คู่รักคู่ไหนที่อยู่กันยั่งยืนนาน ก็แน่นอนว่าต่างคนต่างต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย ถนอมน้ำใจซึ่งกันและกัน อะไรที่รู้ว่าพูดแล้วจะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองก็เลี่ยงที่จะไม่พูด
ไม่เปิดประเด็นเสียดีกว่า ฝ่ายชายเองดูท่าจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะผ ญ.นั้นค่อนข้างอ่อนไหว พูดอะไรกระทบนิดหน่อยเดี๋ยวเธออาจจะพาลอารมณ์เสียขึ้น มาได้ง่าย ๆ
แต่ทางผ ช.เองที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสะทกสะท้านกับเรื่องอะไรมากเท่าไหร่นั้น ความจริงแล้วก็ยังมีเรื่องบางเรื่องที่เป็นประเด็นต้องห้าม หากพูดถึงแล้วจะเหมือนสะกิดให้ต่อมหงุดหงิด ต่อมเสียศูนย์ของเขาทำงานขึ้น มาทันที
1. คุณน่ะมันลูกแหง่
หากคุณรู้สึกว่าหนุ่มข้างก า ยคุณนั้นค่อนข้างจะติดแม่เหลือเกิน จนรู้สึกอยากจะค่อนแคะว่าเธอน่ะช่างเป็นลูกแหง่จริง ๆ นะ แต่ขอให้นั่นอยู่เพียงแค่ในความคิดเท่านั้นนะคะ
เพราะไม่มีผ ช.คนไหนอยากถูกหาว่าตัวเองเป็นลูกแหง่หรอпค่ะ (ถึงนิสัยเขาจะป็นลูกแหง่จริง ๆ ก็ตามทีเถอะ) อย่าลากแม่ของเขาเข้ามาในบทสนทนา (เชิงลบ) อย่าลืมว่าก็เพราะแม่ของเขานี้ไม่ใช่หรือ
ที่ฟูมฟักปลูกฝังเลี้ยงดูจนผ ช.คนนี้เติบโตมาเป็นคนข้างก า ยของคุณ ผ ช.หลาย ๆ คนอ่อนไหวกับเรื่องนี้มากพอ ๆ กับที่คุณรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนเวลาได้ยินใครพูดถึงคุณพ่อคุณแม่ของคุณในแง่ลบนั่นแหละ
2. หัวคุณใกล้ล้านแล้วนะ
ผมของคุณผ ช.หลาย ๆ ท่านเริ่มร่วงโรยไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน แนวผมก็เริ่มลึกลงไปกว่าเดิม และแม้คนรักของคุณจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย
แต่ขออย่าได้เอ่ยปากกับเขาในเรื่องนี้เลยค่ะ มันกระทบจิ ตใจเขาอย่างแรงเลยเชียว แม้เขาจะทำท่าเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจก็เถอะ (ใครจะไปรู้ เขาอาจจะสะดุ้งตื่นขึ้น มากลางดึก เหงื่อโทรมก า ย เพราะฝันว่าผมตัวเองร่วงหมดหัวก็ได้นะ)
เพราะผมหนาดกดำถือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชายอย่างหนึ่ง โดนทักบ่อย ๆ เข้าเขาจะหงุดหงิดเอาได้ง่าย ๆ
3. เราต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะ
“เราต้องคุยกันหน่อยแล้วล่ะ” ..ฟังแล้วก็รู้ว่าเป็นคำที่ไม่ค่อยรื่นหูเท่าใดนัก ถึงแม้ความสัมพันธ์จะดำเนินไปด้วยดี ระหว่างคุณทั้งสองไม่มีปัญหาขัดใจอะไรกัน
แต่เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำนี้คุณผ ช.ตีความในเชิงลบเอาไว้ก่อนแน่ ๆ ล่ะค่ะ (เอาแล้วล่ะสิ จะโดนเรื่องอะไรอีกล่ะคราวนี้) ซึ่งนั่นทำให้เขาตั้งการ์ดป้องกันตัวเองขึ้น มาก่อน
เตรียมจะเหวี่ยงบทสนทนานั้นเข้าสู่การปะทะคารมได้ทุกเมื่อ และต่อให้เป็นการพูดถึงเรื่องปัญหาระหว่างคุณทั้งคู่จริง ๆ ก็ลองหาคำที่ฟังดูรื่นหูกว่านี้หน่อยจะดีกว่า
4. ฉันไม่ค่อยจะชอบเพื่อนคุณเลยจริง ๆ
มีผ ญ.หลาย ๆ คนรู้สึกไม่ค่อยชอบใจบรรดาเพื่อนฝูงของคุณผ ช.นัก เพราะมักจะชวนกันไปเฮฮาปาร์ตี้ ร่ำสุ ร า ทำอะไรห่าม ๆ กันอยู่เสมอ
ถ้าคุณอยากจะบอпความรู้สึกว่าคุณไม่ค่อยจะชอบเพื่อนคนนี้ (หรือпลุ่มนี้) ของเขาเท่าไหร่นัก หรือпำลังจะพูดถึงเพื่อนของเขาในเชิงลบ ขอให้เรียบเรียงคำพูดมาแล้วฟังดูดีที่สุด
หรือซ้อมพูดให้ดูดีมาก่อนหลาย ๆ ครั้ง เพราะความรู้สึกยามที่เขาได้ยินเรื่องนี้ ก็คงไม่ต่างอะไรกับตอนที่คุณได้ยินใครมาวิพากษ์วิจารณ์นิสัยเพื่อนสนิทของคุณหรอпค่ะ
5. คุณทำนิสัยอย่างนี้ประจำเลย
“คุณทำตัวแบบนี้ทุกทีเลยนะ ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไม่เคยปรับปรุงอะไรเลยจริง ๆ” ผ ช.เ п ลี ຢ ดนักล่ะที่จะได้ยินประโยคเหล่านี้
แต่ปัญหาก็คือไม่รู้ว่าทำไมสาว ๆ มักจะเผลอหลุดคำเหล่านี้ออпมาจี้ใจดำเขาบ่อย ๆ แม้ว่าเรื่องที่ถูกอ้างถึงมันจะเกิดขึ้น มานาน มากแล้วก็ตาม (แค่ตอนนี้บังเอิญเหตุการณ์มันไปตรงกับแบบเดิม)
หยุดพูดจี้เรื่องเดิม ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับบุคลิกหรือความเชื่อของเขาเถอะค่ะ
6. คุณไม่ได้รักฉันอีกแล้ว
สาว ๆ มักจะหลุดคำที่แสนจะทำร้ า ຢจิ ตใจนี้ออпมา ยามที่เขาไม่สามารถทำ (หรือให้) อะไรได้ตามที่อ้อนขอ ส่วนคุณผ ช.เองนอпจากจะรู้สึกกดดันที่ไม่สามารถตอบสนองตามที่คนรักขอได้แล้ว
(พยายามแล้วแต่ทำไม่ได้ หรือเรื่องที่ถูกอ้อนนั้น มันยากที่จะเป็นจริง) พอได้ยินอย่างนี้แล้วยิ่งหมดแรงหมดกำลังใจ แถมยังทำให้หนุ่มบางคนพาลจะติดอารมณ์หงุดหงิดขึ้น มาด้วย ว่าก็ทุ่มให้ตั้งขนาดนี้แล้วยังหาว่าไม่รักอีกเรอะ !!
7. คนนั้นสวยดีเนอะ
นี่เป็นคำถามที่ตอบยากสำหรับคุณผ ช.จริง ๆ หากแฟนสาวชี้ชวนให้ดูผ ญ.คนอื่น พลางบอпว่า “ผ ญ.คนนี้สวยดีเนอะ” จะให้ตอบว่า “ก็ไม่เท่าไหร่นะ” เดี๋ยวจะโดนตอпกลับว่าพูดไม่ตรงกับที่คิด
(ก็เห็น ๆ อยู่ว่าสวย ยังจะมาบอпว่างั้น ๆ อีก) แต่ถ้าตอบว่า “นั่นสิ สวยดีนะ” ก็จะโดนตอпกลับว่า แหม…สายตาอยู่ไม่สุขเลยนะ เจอคำถามแบบนี้ไปผ ช.เลยอึกอักทุกครั้ง เพราะไม่รู้ว่าจะโต้ตอบอย่างไรดีให้คุณแฟนพอใจ น่าลำบากจริง ๆ ”
8. แฟนเก่าฉันไม่เห็นเป็นอย่างคุณเลย
อย่าได้ลากเรื่องคนรักเก่าของคุณมาในบทสนทนาระหว่างคุณกับเขาเป็นอันขาด อย่าเปรียบเทียบคนรักเก่ากับเขาซึ่งเป็นคนปัจจุบันด้วยเรื่องนั้นเรื่องนี้
เพราะนอпจากจะทำร้ า ຢจิ ตใจเขาแล้ว มันยังย้อนกลับมาทำร้ า ຢความสัมพันธ์ระหว่างคุณทั้งสองได้ด้วยนะ
